รวยๆ เฮงๆ ปังๆ เสริมมงคลกันที่ฮ่องกง
Chapter 70: Unlocking Your Prosperity In Hong Kong
Blog นี้จะพาไปไหว้พระเสริมศิริมงคลกันที่ฮ่องกงค่ะ หลังจากที่ไม่ได้ทำกิจกรรมนี้มาตั้ง 4 ปี เพราะ Covid ฤกษ์งามยามดีแล้ว ไปไหว้พระกันเถอะพวกเรา (Blog นี้เดินทางเดือน มี.ค. ที่ผ่านมาค่ะ)
ทริปนี้เป็นทริปครอบครัวอีกแล้ว (พวกเรารักการเข้าวัดมากค่ะ โดยเฉพาะวัดที่ฮ่องกง 😁) เราจะกะจะมากินของอร่อยและใช้เวลาร่วมกันซึ่งนานๆ จะได้มีโอกาสแบบนี้ซักที ทริปนี้เราไปกันทั้งหมด 8 วัด สั้นๆ 3 วันพอจะได้กลับไปหาตังค์ต่อ
ป.ล. สำหรับ Blog นี้ขอแบ่งเป็น 2 ส่วนนะคะ ส่วนแรกจะเป็นเรื่องของวัด อีกส่วนจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับร้านอาหารค่ะ
ลงเครื่องปุ๊บก็ไปวัดแรกกันเลย วัดหมั่นโหม่ว (Man Mo Temple)
วัดหมั่นโหม่วเป็นวัดเก่าแก่อยู่ในย่าน Sheung Wan ฝั่งฮ่องกง สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1847 ในสมัยราชวงศ์ชิง ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นอาคารประวัติศาสตร์เมื่อปี 2009 และได้รับการอนุรักษ์ไว้ในฐานะอนุสรณ์สถานของฮ่องกงด้วย (Declared Monument)
วัดหมั่นโหม่วสร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่บูชาเทพเจ้าหมั่นไตกวั้น (หมั่น) เทพแห่งวรรณกรรม และเทพเจ้าโหม่วไตกวั้น (Mo) เทพแห่งสงคราม คนนิยมมาไหว้ที่วัดนี้เพื่อขอพรเรื่องการเรียนและการงาน
ไหว้พระเสร็จลองเดินสำรวจดูวัดผ่านควันธูป จะเห็นว่าจริงๆ ข้างในวัดก็สวยมากเลยนะ
ต่อกันที่วัดที่ 2 วัดหว่องไท่ซิน หรือวัดหวังต้าเซียน (Wong Tai Sin Temple)
วัดหวังต้าเซียนตั้งอยู่ใจกลางเมือง เป็นวัดหลักๆ ที่คนนิยมมาไหว้พระขอพรประจำปีกัน ด้านในมีองค์พระมากมายทั้งเทพเจ้าหวังต้าเซียน เจ้าแม่กวนอิม เจ้าที่ เทพเจ้าหยุคโหลวซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความรัก และท่านขงจื้อ
หลังจากไหว้พระตามโบสถ์ด้านนอกแล้ว อย่าลืมเข้ามาไหว้เทพเจ้าหวังต้าเซียนที่ย้ายมาอยู่ที่อาคารด้านในด้วยนะคะ ทางวัดทำเป็นห้องกระจกไว้ แต่การจะเข้าไปไหว้ต้องเสียเงินค่าเข้าด้วยค่ะ ครอบครัวเราเลยส่งตัวแทนเข้าไป 😁
สถาปัตยกรรมในวัดสวยงามมากเพราะได้รับอิทธิพลมาจากลัทธิเต๋า ศาสนาพุทธ และขงจื้อ
อีกสิ่งที่ทำให้คนนิยมมาที่วัดนี้มากคือเทพเจ้าหยุคโหลว (เทพเจ้าแห่งความรัก) ที่เราเรียกกันว่า “เทพเจ้าด้ายแดง” นั่นเอง
ใครอยากมีคู่ไม่ว่าจะเป็นเพศเดียวกันหรือเพศตรงข้ามก็สามารถมาขอได้หมด ซึ่งการไหว้เทพเจ้าหยุคโหลวจะต้องมีวิธีการเอาด้ายแดงมาพันที่นิ้วมือด้วย (ที่ป้ายด้านหน้าจะมีสอนไว้ค่ะ) จากนั้นใครขอแฟนผู้หญิงก็ให้เดินเอาด้ายไปผูกที่รูปปั้นผู้หญิงด้านซ้าย ใครขอแฟนผู้ชายก็เอาด้ายไปผูกที่รูปปั้นผู้ชายด้านขวา เป็นอันเสร็จพิธี
หลักๆ ที่คนมาขอพรที่วัดนี้ก็จะประมาณนี้ค่ะ
ไปวัดต่อไปกันเลย
วัดที่ 3 วัดยุกฮุย (Yuk Hui Temple) หรืออีกชื่อเรียกคือ วัดปักไต่ (Pak Tai Temple) อยู่ในเขตหว่านไจ่
วัดปักไต่เป็นวัดเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 160 ปีแล้ว ภายในวัดจะประดิษฐานรูปปั้นเทพเจ้าปักไต่ หรือเทพดาวเหนือซึ่งมีอายุกว่า 400 ปี
เป็นวัดที่มีชื่อเสียงในเรื่องแก้ดวงชะตา ปัดเป่าสิ่งไม่ดีทั้งหลายให้ออกไป นอกจากนี้ที่วัดนี้ยังมี “เทพเจ้าเปลี่ยนใจ” ที่คนจะมาขอพรให้เรื่องร้ายกลายเป็นดี หรือขอให้คนที่เป็นศัตรูของเราเปลี่ยนใจมาเป็นมิตร
เป็นครั้งแรกที่ได้มาวัดนี้ คนไม่เยอะควันธูปก็ไม่เยอะไปด้วย
ได้เห็นโคมไฟดอกบัวที่แขวนไว้ด้านบน สวยแปลกตามากไม่เคยเห็นที่วัดไหนมาก่อนเลย รู้สึกชอบวัดนี้มากเพราะเป็นวัดที่เงียบสงบและสวยดีค่ะ
ใกล้ๆ วัดจะมีอาคารเก่าแก่สีฟ้าที่เรียกว่า Blue House ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อใช้เป็นที่พักอาศัย
ปัจจุบันอาคารนี้ก็ยังคงรักษารูปแบบดั้งเดิมไว้คือไม่มีห้องน้ำ !!! ใช่ค่ะ สมัยก่อนสร้างมายังไง สมัยนี้ก็ยังคงใช้แบบเดิม คนในอาคารนี้ต้องใช้การจ้างคนมาขนสิ่งปฏิกูลไปทิ้งทุกวัน ชั้นบนของตึกใช้เป็นที่พักอาศัย ในขณะที่ชั้นล่างใช้เป็นศูนย์การเรียนรู้ชุมชน amazing เหมือนกันเนอะ
ไปต่อกันที่วัดที่ 4 ค่ะ วัดหยวน หยวน (Yuen Yuen Institute)
วัดหยวน หยวน สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1950 เป็นวัดเดียวในฮ่องกงที่เผยแผ่คำสอนของ 3 ศาสนาได้แก่ ศาสนาพุทธ เต๋า และขงจื้อ ตั้งอยู่ในเขต New Territories บนเนินเขาที่ค่อนข้างไกลจากตัวเมือง ทำให้บรรยากาศในวัดเงียบสงบและร่มรื่นมากๆ
Highlight ของวัดหยวน หยวน คือวิหารสวรรค์ ซึ่งเป็นอาคารรูปทรง 6 เหลี่ยมที่สร้างขึ้นจากหินธรรมชาติตามแบบของวัด Tian Tan ที่เมืองปักกิ่ง ประเทศจีน
คนฮ่องกงนิยมมาไหว้พระแก้ปีชงและฝากดวงชะตากับเทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ยที่วัดนี้
ชั้นล่างสุดของวิหารสวรรค์จะมีเทพเจ้าไท้ส่วย 60 องค์ ทำหน้าที่ปกปักษ์รักษา และคุ้มครองดวงชะตาของปีเกิดแต่ละปี ซึ่งแต่ละองค์ก็จะมีหน้าตาและชื่อเรียกที่ต่างกัน เราสามารถดูป้ายปีเกิดที่อยู่ด้านบนของเทพเจ้าแต่ละองค์ ก็จะทราบว่าเทพเจ้าที่ดูแลปีเกิดของเราคือองค์ไหน
ไหว้พระเสร็จแล้วอย่าลืมออกมาเดินชมวัดต่อนะคะ วัดกว้างมากมีสิ่งก่อสร้างสวยๆ ให้ดูเยอะเลย
จากวัดหยวน หยวน เราจะเดินไปวัดต่อไปที่อยู่ติดกันเลยค่ะ
วัดที่ 5 สำนักสงฆ์ตะวันตก (Western Monastery) หรือ อุทยานพระโพธิสัตว์กวนอิม
สำนักสงฆ์ตะวันตก (Western Monastery) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1970 โดยสมาคม Hong Kong Buddhi Siksa Society
Highlight อยู่ที่เจดีย์ 9 ชั้นที่อยู่ด้านหลังอุโบสถที่แต่ละชั้นของเจดีย์จะประดิษฐานพระพุทธรูปปางต่างๆ รวมกว่า 10,000 องค์และร่างอวตารของพระพุทธเจ้า 5 ร่าง
เราไม่ได้เดินเข้าไปดูด้านในเจดีย์ ได้แต่เดินดูรอบๆ เท่านั้น
ด้านล่างจะมีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมสมัยราชวงศ์หมิงประดิษฐานอยู่ เป็นรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมที่ใหญ่ที่สุดในฮ่องกง
เดินต่อไปทางด้านหลังจะเห็นรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมในปางต่างๆ อีกมากมาย
วัดที่ 6 วัดเจ้าแม่กวนอิมฮองฮำ (Hung Hom Kwun Yum Temple)
วัดเจ้าแม่กวนอิมฮองฮำเป็นวัดที่มีความเก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งในฮ่องกง ตั้งอยู่ในย่านฮองฮำ (Hung Hom) สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1873 เป็นวัดเล็กๆ แต่มีชื่อเสียงในเรื่องการขอพรเกี่ยวกับโชคลาภเงินทองเสริมดวงการเงินมาก ทำให้คนที่ทำการค้าหรือนักธุรกิจนิยมมาไหว้พระที่วัดนี้มาก
ในช่วงเทศกาลตรุษจีนจะมีการทำพิธี “ขอยืมเงินเจ้าแม่กวนอิม” ในวันเปิดทรัพย์ที่วัดแห่งนี้ เพราะเชื่อว่าเป็นพิธีที่ช่วยเสริมดวงให้การทำธุรกิจการค้าเจริญรุ่งเรือง เงินทองไหลมาเทมา
ซึ่งวันเปิดทรัพย์นั้นใน 1 ปีจะมีแค่วันเดียว พิธีการจะถูกจัดขึ้นหลังจากวันตรุษจีนไป 26 วัน เป็นการคำนวณตามปฏิทินจันทรคติจีน เลยทำให้วันเปิดทรัพย์ในแต่ละปีจะไม่ตรงกัน เพราะฉะนั้นใครอยากจะมาไหว้เจ้าแม่กวนอิมพร้อมกับทำพิธีขอยืมเงินให้ตรงวัน ก็สามารถนับจากปฏิทินได้เลย แต่ขอบอกเลยว่าวันนั้นคนจะเยอะมากกกกก
วัดที่ 7 วัดหมื่นพุทธ (Ten Thousand Buddhas Monastery)
วัดหมื่นพุทธตั้งอยู่ที่ Sha Tin ในเขต New Territories สร้างขึ้นจากความศรัทธาของท่านปรมาจารย์ Yuet Kai ซึ่งมีความมุ่งมั่นว่าจะนำองค์พระพุทธรูปกว่าหมื่นองค์มารวมกันที่วัดแห่งนี้ให้ได้
วัดหมื่นพุทธเริ่มก่อสร้างในปี ค.ศ. 1950 สร้างเสร็จในปี 1957 ภายในวัดประกอบไปด้วย วัด 5 วัด ศาลา 4 ศาลา ระเบียงภายนอกอาคาร และเจดีย์ที่เก็บพระพุทธรูป
และรอบๆ วัดยังเต็มไปด้วยองค์พระพุทธรูปอีกมากมาย ซึ่งผลงานเหล่านี้สร้างขึ้นตามแบบอย่างพระพุทธรูปที่ตั้งอยู่ที่วัดในเมืองคุนหมิง ประเทศจีนซึ่งเป็นบ้านเกิดของท่านผู้ก่อตั้ง Yuet Kai นั่นเอง
การมาไหว้พระที่วัดแห่งนี้จะต้องเดินขึ้นบันไดทั้งหมด 430 ขั้น ซึ่งตลอดสองข้างทางที่เดินขึ้นวัดนั้น เราจะได้เห็นพระพุทธรูปสีทองขนาดเท่าคนจริงกว่า 13,000 องค์ในท่าทางที่แตกต่างกันตั้งเรียงรายให้เห็นตลอดทาง แสดงให้เห็นถึงความศรัทธาของผู้ก่อตั้งอย่างแท้จริง
ป.ล. หากอยากมาไหว้พระที่วัดหมื่นพุทธแนะนำว่าควรมาช่วงหน้าหนาวจะดีกว่า เพราะจะเดินได้ไม่เหนื่อยและไม่ร้อนมาก
ไปต่อกันที่วัดที่ 8 ซึ่งเป็นวัดสุดท้ายของทริปนี้แล้วค่ะ วัดแชกงหมิว (Che Kung temple) หรือ วัดกังหันลม
วัดนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ประมาณ 300 ปีที่แล้วเพื่อระลึกถึงท่านแชกง นักรบผู้ปกป้องจักรพรรดิองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ซ่ง เนื่องจากท่านเป็นนักรบผู้มีฝีมือเก่งกาจ ซึ่งกองทัพของท่านจะมีสัญลักษณ์ประจำกองทัพคือกังหันลม
มีตำนานเล่าว่า ในอดีตมีโจรสลัดจะเดินทางมาปล้นสะดมชาวบ้าน หลังจากรู้ข่าวท่านแชกงก็ให้ชาวบ้านพับกังหันที่เป็นสัญลักษณ์ของกองทัพของท่านและให้ติดไว้ที่หน้าบ้าน เมื่อโจรสลัดมาถึงหมู่บ้านและได้เห็นกังหัน จึงเกิดความเกรงกลัวในชื่อเสียงความเก่งกาจและกองทัพของท่าน จึงได้หนีหายกันไปจนหมด ชาวบ้านจึงนำกังหันมาเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดีที่จะค่อยช่วยขจัดปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายให้พ้นไป
นี่ก็เป็นส่วนของวัดที่เราไปไหว้กันมาในปีนี้นะคะ
ส่วนวิธีการไหว้พระแต่ละวัดจะมีวิธีการเหมือนกันคือ เริ่มจากการไหว้เทวดาฟ้าดินเป็นอันดับแรก ซึ่งธูปและของไหว้สามารถหาซื้อได้ที่หน้าวัดนั้นๆ เลย เมื่อจุดธูปแล้วก็ให้หันหน้าออกนอกวัดเพื่อเป็นการบอกกล่าวฟ้าดิน โดยให้บอกชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด และวัตถุประสงค์ที่มาทำบุญวัด ไหว้ 3 ครั้งแล้วจึงเข้ามาไหว้พระภายในวัด หลักๆ ก็เป็นประมาณนี้ค่ะ
เราไปที่ร้านอาหารในทริปนี้กันมั่ง จริงๆ ก็จะคล้ายๆ กับ Blog ที่เราเคยเล่าไปก่อนหน้านี้ (อ่านได้ในตอนนี้ค่ะ) จะมีร้านใหม่เพิ่มมานิดหน่อย ไปดูกันเลยค่ะว่าจะมีร้านอะไรมั่ง
ร้านที่ 1 หย่งเก (Yung Kee Restaurant)
หย่งเกเป็นร้านห่านย่างที่อยู่ในฝั่งฮ่องกง เคยโด่งดังมากถึงขนาดได้ Michelin Guide 1 ดวงอยู่หลายปี แต่ต่อมาเกิดปัญหาภายในครอบครัว มีการแตกออกไปเปิดร้าน Kam’s Roast Goose ทำให้รสชาติและคุณภาพอาหารของหย่งเกตกไป จนเหลือรางวัลเพียง BIB Gourmet และถูกถอดออกจาก Michelin Guide ไปในที่สุด
แต่ด้วยความคิดถึงและอยากมาลองดูว่ารสชาติยังจะดีเหมือนเดิมมั้ยก็เลยมากันอีกครั้ง สำหรับเมนูที่สั่งกันมาวันนี้ที่อยากจะแนะนำให้ลองก็มี ไข่เยี่ยวม้า และข้าวอบหม้อดินค่ะ
สำหรับห่านย่างจานเด็ดของร้าน รู้สึกว่าคุณภาพและรสชาติต่างจากเดิมจริงๆ เนื้อเหนียว ไม่นุ่มหอมเหมือนที่เคย ไปที่ร้านต่อไปเลยดีกว่า
ร้านที่ 2 Seventh Son ร้านเก่าเจ้าประจำ
ร้านนี้ไม่เคยทำให้ผิดหวังอยู่แล้ว มากินกี่ครั้งก็ยังอร่อยเหมือนเดิม
ที่อยากให้ลองนอกจากหมูหันที่เป็น signature แล้ว อย่าลืมลองชิมไก่ย่าง Crispy Chicken ที่หอม นุ่ม และชุ่มฉ่ำมากกกก
ร้านมี 2 สาขาทั้งฝั่งฮ่องกง และเกาลูน ใครสะดวกที่ไหนไปที่นั่น ที่สำคัญต้องจองล่วงหน้านะคะ โดยเฉพาะหมูหัน
มากันที่ร้านสุดท้าย Lei Garden
ร้านนี้ก็มีหลายสาขา เราจะมากินที่สาขา New Town Plaza เสมอเพราะอยู่ใกล้วัดหมื่นพุทธ ก็คือไหว้พระเสร็จก็มากินที่ร้านนี้ต่อเลย เป็นร้านที่อาหารอร่อย ราคาไม่แรงมาก
อร่อยทุกเมนู
สำหรับ Blog ไหว้พระที่ฮ่องกงก็ประมาณนี้ค่ะ มีร้านอาหารมาเพิ่มอีกนิดหน่อย เผื่อเป็นไอเดียให้คนที่กำลังจะไปเที่ยวฮ่องกง ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ แล้วพบกันใหม่ในการเดินทางครั้งต่อไปค่ะ บอกเลยซีรีส์หน้ายาวอีกละค่ะ 😄